Monday

water color postcard


Two months ago, I got a box of watercolor as a birthday present from Morpang
and never got round to use it until last week. 
Whoa! it's amazing! I kinda fallen in love with the water color 
even I don't know how to use it properly! 
since I'm not good at it so I used mts, stampers and stickers with my work 
to add a bit of cuteness and the result was quite cool!
Okay this is not the most kawaii postcard but I do love it. (my hubby too hee hee)
And if you've never tried using mts - stampers - stickers with your work, let's try it's  fun!! : )

Friday

handmade folded cards. Idea to steal.




Haven't got round to update my blog for a loooooooong time.
One thing is because i was a bit busy lately.
Another is because I'm not sure if there's anybody stop by. haa...

While I was trying to figure out how to reuse lots of kraft paper,
the idea of folded card was popped up in my head.
I'll be happy if you love it. You can steal and adapt it to create your style of card.


Here we go...



Fold A4 paper 2 times.
Bond Folder is very useful when it comes to fold paper.



Cut them in half in whichever direction you like.



Decorate inside with mts, tapes, stickers, stampers or whatever you like.
This kind of card will give you more space, allow you to have more fun with mt
and write down longer message.
While i making this, the rain storm was looming and finally it rain.
How i love when it's rain and i'm safe and sound at home. chill mak mak loei.


Once done, fold it back. Seal with your fav mt.
I kinda love this bow mt. It's really truly madly cute and that's why I have 2 colors heee ^^


Seal different side with different mt to make it more kawaii. 
Cut the end of the tape with different shapes...um...like scallop! (a bit hard but you can try)
or cut them like what I did. 

Then, I used needle and this darling paper rope 
since I have only standard puncher which produce a pretty big hole and the rope may loose. 


Tadah...hhh... done!
super easy isn't it?
then you just decorate the front with cute paper or tapes 
and write down the address of your love ones. 

this is how I decorate another card.
I used different kind of rope and it work pretty well : ) 
If you have lovely twine in stock, you can use them too. 



Italy I




อันว่าเราคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอิตาลีอีก อีกทั้งนี่เป็นทริปมายุโรปคนเดียวโดยไร้ตัวบู เลยอยากจดปูมการเดินทางครั้งนี้เอาไว้เป็นที่ระทึกสักเล็กน้อย
ครั้งนี้เราจะออกจากสิงคโปร์ เพื่อไปเจอกับก้อยที่จะบินจากไทย แล้วไปปะกันที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต เพื่อต่อเครื่องไป Verona  จาก Verona เราจะนั่งรถไฟไป Trento ซึ่งเป็นบ้านของอุ้ม จุดหมายปลายทาง


สิ่งแรกที่เห็นในก้าวแรกที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตก็คือเตียงสนาม ยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา
มีร่างคนนอนให้เห็นประปราย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านค่ายกักกันผู้อพยพ
เป็นภาพที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวให้หยุดชักภาพระดับ 5 (รวมถึงเรา)
เข้าใจว่าเหล่านั้นคือคนที่รอต่อเครื่องหรืออะไรสักอย่าง เพราะแฟรงก์เฟริ์ตเป็นเหมือนชุมทางรถไฟ
ที่ใครจะไปไหนๆ ในยุโรปต่อ ก็จะต้องมาต่อเครื่องกันที่นี่ (อย่างที่บอกว่า นี่คือครั้งแรกของเราจึงคาดเดาไปเรื่อย)


เราลงตี 5.45 แต่ก้อยลง 6 โมง ทำไมก้อยถึงเดินไปที่เกตก่อนเราก็ไม่รู้ได้
(หรือเรามัวแต่แวะถ่ายรูปเตียงผู้อพยพ?)
แค่ต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง ต่อแถวรอตรวจกระเป๋า
ก็ปาเข้าไป 1 ชม. คนที่ชินกับกระบวนการทั้งหมดนี้ภายในเวลา 10 นาทีอย่างเราเลยไม่ได้เตรียมเข้าห้องน้ำมาก่อน คิดดูละกันว่าปวดแค่ไหน จะผละจากแถวก็ไม่ได้ งือออ...



เรากับก้อยเลือกอาหารเช้าจากร้านที่ใกล้ที่สุดในสนามบิน คือ ปานินี่มะเขือเทศกับมอสซาเรลล่า และ กาแฟ 1 แก้ว (ประมาณคนละ 4.5 euro) โดยคนขายใจดีพยายามสอนวิธีออกเสียงกาแฟลาเต้ว่า
มิลชกาฟเฟ (กาแฟใส่นม) เผื่อต่อไปจะได้สั่งให้ถูก

ไม่รู้ว่าหิวหรืออะไร เราสองคนพบว่ามันเป็นปานินี่ที่อร่อย มอสซาเรลล่ามีรสชาติ เสียอย่างเดียวเบซิลเหี่ยวมาก (สังเกตได้จากทางขอบขวาของหนมปัง มันอาจจะเดินทางมาจากเอเชีย จึงอ่อนล้า)
หลังจากกินเสร็จ นั่งเมาท์กันจนหมดเรื่องคุยก็ยังไม่ถึงเวลาเครื่องออก (นั่งจาก 7 โมงถึงเที่ยง เพราะเครื่องออกเที่ยงนิดๆ) เป็นการใช้ชีิวิตในสนามบินที่ยาวนานดีแท้





ตอนแรกเราตั้งใจจะไปหาอะไรกินอีกทีที่สนามบินเวโรน่า แต่ทว่า...ทนพิษความหิวไม่ไหว
เพราะเครื่องจากแฟรงก์เฟิร์ตดีเลย์ 1 ชม.เต็ม อันเนื่องจากสภาพฟ้าฝนโครมครามน่าตกใจ
เรากับก้อยนั่งง่อย (ให้คล้อง) อยู่ในเครื่องนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำย่อยค่อยๆ ทำลายกระเพาะไป
ดังนั้นพอเครื่องขึ้่น และแอร์สาว(เหลือ)น้อย เริ่มเข็นรถออกมาแจกอาหาร ที่อุ้มเรียกว่า "ของกินเล่น"
เราจึงดีใจมาก แต่พอตักเข้าปากเท่านั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกิน "ยำมันฝรั่ง"
เพราะเปรี้ยวปี๊ดดดดดเข้าไส้ แต่ด้วยความหิวเลยกินเข้าไปเกือบหมด
จากนั้นอาหาร "กะเพาะโดนกัด" จึงเปลี่ยนเป็นอาหาร "ท้องเดือด"
ลมเลิมเต็มท้อง แต่จะไม่กินก็ไม่ได้ ... (ปล.ช้อนส้อมของลุฟทันซ่าเค้าน่ารักเนอะ บนเครื่องตอนขาไป ส้อมก็ทรงนี้เลย)



ความทุลักทุเลลำดับถัดมา คือการต้องรีบซื้อตั๋วรถไฟจากตู้อัตโนมัติ (เพราะคิวซื้อยาวมาก และอาจจะใช้เวลานานกว่า อันว่าคนอิตาเลียนชอบชวนคุยไปเรื่อย) และหอบกระเป๋าเดินทาง นางละ 2 ใบ
ขึ้นลงบันไดชานชาลาภายในเวลาไม่ถึง 15 นาที เพื่อให้ทันรถไฟเที่ยว 16.05 
ความหน้าตาตื่นของเราสองคน ทำให้หนุ่มสาวอิตาเลียนรีบปราดเข้ามากุลีกุจอช่วยยกกระเป๋าขึ้นบันได สิ่งนี้เป็นวัฒนธรรมนี้ช่างแตกต่างกับคนทางสวีเดนเหลือเกิน ณ วินาทีนั้น เราซึ้งใจจนแทบจะน้ำตาไหล
เพราะในที่สุดก็ขึ้นรถไฟทัน พร่ำบอกแต่ว่า แตงกิ้ว แตงกิ้วเวรี่มาชช ไม่หยุดปาก 

ตลอด 1 ชม.ที่นั่งรถไฟจากเวโรน่า มาเทรนโต ฝนตกหนักตลอดทาง
อ่าว...ก้อยเรียกออกไปนอกบ้านแล้ว พรุ่งนี้มาต่อตอนต่อไป
สามสาวใหญ่ กับ หนึ่งสาวน้อง อังแตร แอ่วเมืองเทรนโต : )

Lovely clear blue sky at Drottingholm.

It was such a great trip. We ate lots of good food, slept more than 8 hrs a day.
Had nice coffee&yummy breakfast at coffee shop around the corner 8 days in a roll (yes, call us boring couple!)
I'd never eaten any beetroot as sweet as in Stockholm!
We lost once, but found super nice local restaurant in the end. Enjoyed brief talk with the locals who wondered how on earth did we get there. I wish we have this kind of trip more often.

I think I'm old enough to know what I really want.
Unfortunately, this kind of thing is not about age.
Recently I keep asking myself what I really want to do.
Life has given us so many choices, too many for me i guess.
I tried to list pro and cons of each choices and still couldn't make a decision.
The decision that I can enjoy social life while still hidden behind my comfort zone.
I wish I can soon...tomorrow may be?


Monday

Confetti Postcard



อันที่จริง Confetti Postcard คือไอเดียที่พวกเราเคยนำมาทำใน workshop ครั้งแรก
แต่วันนี้นึกสนุก อยากทำขึ้นมาอีก เลยเอามาโพสต์เป็นไอเดียให้สาวๆ
ที่อยากสร้างสรรค์งานโปสการ์ดสนุกๆ ส่งหาคนที่เราคิดถึงกัน

อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก
1. ซองจดหมายขาวขุ่น หรือเอากระดาษไขมาพับทำซอง
(หากยังไม่มีตัวแบบ สามารถเข้าไปดูในอัลบั้ม "พร้อมส่ง* หนังสือที่เก็บเทป" ตามลิงก์นี้ - tie in อีกนะ!)
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.423273494362243.97073.189945411028387&type=3

ซองลายจุดสีแดงนี้เอ๋ได้มาจากร้าน Daiso ในราคาซองละ 10 บาท





2. สติ๊กเกอร์ชิ้นน้อยๆ  หรือจะใช้กระดาษพันช์เป็นรูปทรงต่างๆ 
ของแผ่นจิ๋วๆ จดหมายน้อยๆ ออริกามิพับเป็นรูปหัวใจ ฯลฯ ได้หมดค่ะ ตราบใดที่มันใส่ลงไปในซอง
แล้วเขย่าๆ ได้




3. กระดาที่มีลวดลายน่ารัก วันนี้เอ๋เลือกลายขวาง เพราะจะได้ตัดฉัวะ! กับลายจุดของเรา 


4. และแน่นอนค่ะ อุปกรณ์ปิดผนึกและตกแต่ง จะเป็นสิ่งใดไม่ได้ นอกจาก "คลังแสงของเราาา!"
เอา mt มาวางเรียงตรงหน้าเลยนะคะ จะได้รู้ว่าเรามีลายอะไร สีอะไรบ้าง




5. การ์ดใบน้อย จะเป็นกระดาษที่เราตัดมาทำลายเองก็ได้ หรือจะซื้อมาก็ได้
วันนี้เอ๋เลือกลายตัวเลข เพราะเข้ากันกับสติ๊กเกอร์ที่ทำขึ้นมาเอง วินเท๊จ วินเทจจจ ^^


เอาล่ะ มาเริ่มทำกัน ไม่ยากเย็นเลยสักกะนิด (เอ๋ทำได้ ทุกคนบนโลกนี้ทำได้หมด ^^)
1. เอากระดาษไขลายที่เราเลือกมาใส่ในซอง
2. เติมสติ๊กเกอร์และการ์ดลงไป
3. ปิดผนึกด้วย mt สีสันต่างๆ ตามจินตนาการสร้างสรรค์ ให้สีสวยตัดกันตามความพอใจของเรา
(ไม่มีกรรมการตัดสินความงาม ในโลกของการแปะ mt เชิญ mix&match ตามสบายใจจอร์จ)

จากนั้นก็...
เสร็จแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!! 
(ทุกคนโดนหลอกให้อ่านวิธีทำ 555 เพราะมันไม่มีขั้นตอนซะหน่อย
มีอะไรก็ใส่ลงไปในซองแล้วปิดผนึก ปิดสแตมป์ ส่งโลด!)


เอ๋เริ่มจากการเอากระดาษไข ลายขวาง สีน้ำเงินตัดกับจุดแดง มาใส่ในซอง

จะออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้ ตรงส่วนที่มันเกินซองออกมา เราขี้เกียจตัด (กัวไม่ตรง)
ก็พับขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นลายกิงแฮมครึ่งซอง น่ารักไปอีกแบบ 
จะสังเกตว่า ตรงที่อยู่ เอ๋เอา mt สีพื้นอ่อนๆ มาแปะเรียงสีกันตามใจชอบ 
แล้วใช้ปากกา permanent เขียนลงไป 
(ยี่ห้อ BIC บ้านเราสีสวยและเขียนดีค่ะ เอ๋ซื้อจากแผนกเครื่องเขียนเอ็มโพฯ)


ตามด้วยการใส่สติ๊กเกอร์ชิ้นเล็กๆ ลงไป


จากนั้นใส่การ์ดใบน้อย การ์ดนี้ด้านหลังเราเขียนข้อความที่ตอ้งการ 
พื้นที่ไม่มาก ไม่น้อย ให้ความรู้สึกเป็นโปสการ์ด ไม่ใช่เพลงยาว 
(ปล. แอบมีเทปสีแดง graffiti แปะเพิ่มมาตรงที่อยู่ตั้งกะมะไหร่??)




จากนั้นก็ปิดผนึก ฉึกฉัก (เขียนให้คล้อง)
เอาเทปที่เรามีมาลองทาบๆ ดูว่า อันไหนติดด้วยกันแล้วจะสวย 
(ปล.เทปม้าโยก ไม่มีแล้วจ้ะ มันมาพร้อมสมุดกระดาษคราฟท์)


อีก 1 ตัวอย่าง ใช้สีแดงลายขวางเทปใหญ่ 
เอามาตัดกับกราฟฟิตีสีแดง (ช่วงนี้เห่อใช้กราฟฟิตีสีแดงค่ะ ^^)

อันนี้อีก 1 อัน ใช้เทป Cath Kidston เซ็ทสีเขียว กับ border ชมพู
กระดาษกุหลาบสีเหลืองด้านใน เป็นกระดาษออริกามิ ได้มาจาก Daiso อีกเช่นกัน
มีลูกเล่นเขียนว่า Shake well before open ไว้สนุกๆ  ให้คนรับอ่านแล้วยิ้ม ฮี่ๆ : )
จะปรับใช้คำอื่น ก็ไม่โดนใบแดงค้าบ


ส่วนด้านหน้า แปะเทปกว้าง เว้นพื้นที่จ่าหน้าซองสักนิด
หรือใครจะใช้กระดาษแล้วทากาวเอาก็ได้นะคะ 
ใช้ของเท่าที่เรามี ประยุกต์ให้มันงามขึ้นมา : )

หวังว่าไอเดียนี้ จะจุดประกายสาวๆ ให้หยิบคลังแสงมาทำ Confetti Postcard หย่อนอารมณ์กันนะคะ
ทำเสร็จไม่รู้จะส่งหาใคร...เอ๋กับสาวฮุ้ง สะสมโปสการ์ดนะคะ ยินดีแจกที่อยู่ 55555  




Thursday

hearty breakfast...

When we stay in a hotel or resort somewhere,
each morning there're only the same old ABF or standard congee served. 
So I fallen in love with hearty breakfast from 'Kung Lom Tuan Resort', Ampawa at first sight. 
This is a super special breakfast from the mom of the owner called 'Khao Tom Jantaboon'
Jasmine rice boiled to the right texture were soaked in an aromatic spare rib soup, topped with juicy prawn (fresh from the market not the frozen one!) and pork mince. Added the finishing touch with coriander and  fried chopped garlic and blue ginger...this is my idea of heaven's food!
 And if you're lucky enough, the mom will served you the duck jelly made from a coconut milk : )

Wednesday

T-H-A-N-K Y-O-U!!

credit ภาพ จาก มป. 


หลังงาน pop-up shop เอ๋ตั้งใจจะเขียนบล็อก พรรณาความรู้สึก (นานๆ ที ขอดราม่าหน่อยเห๊อะพี่น้อง!)
ว่าดีใจและขอบคุณทุกคนมากๆ
ถึงขนาดโมเมนต์นึงหันไปบอกสาวๆ ที่กำลังเลือกเทปอยู่ว่า
"ขอบคุณนะคะที่มา ขอบคุณมากๆ"
ไม่รู้จะงงกันรึเปล่า ^^"
และตอนนั้นพี่ดาวบอกว่า "เอ๋น้อยอย่าร้องไห้" ซึ่ง...ไม่รู้สิ ตื้นตันอ่ะ อยากร้องไห้จิงๆ นะ
ไม่คิดว่าคนจะมามากขนาดนี้ ฝนก็ตกด้วย

นอกจากสาวๆ ที่มากันคับคั่งแล้ว
เอ๋ต้องขอบคุณน้องๆ น่ารักจาก pubb pa doo wabb ที่เอาสติ๊กเกอร์น่ารัก ราคาถูก(มาก)มาร่วมขบวน
ขอบคุณฝ้าย, Bakie de Bako ที่พี่เอ๋เอ่ยปากขออะไรก็ไม่เคยขัดเลย
ขอบคุณมิตรภาพดีๆ จากเพื่อนพ้องคนทำ และคนขายของด้วยกัน
มิตรภาพที่ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้สดใสและสวยงามทุกครั้งที่นึกถึง
รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เจอคนน่ารักเหล่านี้ เอ๋คงทำบุญมาแยะพอดู : )

ขอบคุณพี่แอน ตัวตั้งตัวตีคนสำคัญ คนที่น้องเอ๋เอ่ยปากชวนทำอะไรก็ไม่เคยขัดและพร้อมเสมอ
ขอบคุณพี่ดาว ที่เป็นคุณนายอยู่บ้านดีๆ มาตรงนี้ต้องเหนื่อย ต้องร้อน แบกของเป็นกระตั้กโดยไม่บ่นเลย
ขอบคุณมป. ที่มาให้กำลังใจพี่ และส่งของน่ารักๆ มาให้ดูเสมอ
ขอบคุณปาปู ที่คอยปลอบพี่เอ๋ที่ชอบนอย และแน่ละ ส่งของน่ารักๆ มาให้ดูเช่นกัน
ขอบคุณลูกค้าน่ารักอย่างพี่ชมพู่  และขอโทษน้าาา ที่ทำให้พี่ไม่ได้มา ws T__T
ขอบคุณลูกค้าทุกๆ คน ที่เข้ามาโพสต์งานน่ารักๆ ให้ดูสม่ำเสมอ
รวมถึงลูกค้าที่เป็นผุ้สังเกตการณ์ เก็บเอางานน่ารักๆ ไปเป็นแรงบันดาลใจ : )
ขอบคุณแซลลี่ ที่เป็นหน่วยเสบียงเบื้องหลัง ส่งกระดาษแก้วน่ารัก ๆมาให้หีบห่อสม่ำเสมอ(แซลลี่บอกว่าจะเป็นหน่วยนี้ตลอดชีพ <3)
ขอบคุณปอกระเจา ที่จะเข้ามาช่วยหีบห่อ และขอบคุณที่ช่วยมาขายของหลายครั้งมากๆ รวมถึงทิพย์ซี่สาวร่างเอ็กซ์
ขอบคุณแม่มะ มะโด่ง มะตี้ ที่เมื่อไม่มีใครจริงๆ พวกเธอก็มาช่วยชั้นเสมอ

ยังขาดใครล่ะ?
ศรีฮุ้งไง!

แรกเริ่มเดิมที Little&Big มีเอ๋กับเจี๊ยบทำด้วยกัน
ตอนนั้นเราแบ่งหน้าที่ว่า เอ๋ออเดอร์ของ ทำสต๊อก ดูแลเว็บไซต์และออเดอร์ที่เข้ามา
ขณะที่เจี๊ยบซึ่งตอนนั้นเริ่มทำงานประจำแล้ว จะรับหน้าที่โปรโมทเว็บหลังเลิกงาน

ตอนนั้นเองที่เราไม่รู้ตัวเลยว่า การโปรโมทของเรา เผลอไปทำให้ใครบางคนเคืองและไม่พอใจ...
เอ๋อยากย้อนเวลากลับไปขอโทษ
ขอโทษ...ที่ความไม่รู้ของเราทำให้ใครบางคนต้องโกรธ อยากให้เราเป็นเพื่อนกัน
และหวังว่าถึงตอนนี้...จะยังเป็นเพื่อนกันได้ : )
เพราะเอ๋ก็ยังซื้อของจาก zakka ที่ขายเทปเหมือนกันบ่อยไป

หลังจากนั้นเจี๊ยบเริ่มทำงานประจำ และมีปัญหาสุขภาพตามมา
เอ๋เลยตัดสินใจเป็นฝ่ายออกปากบอกเองว่า อย่าทำตรงนี้เลย เพราะเดี๋ยวร่างกายจะยิ่งแย่

แต่ด้วยความที่พื้นฐานเอ๋ไม่ใช่เซล สู้คนก็ไม่เป็น ขี้ตื่น
เจออะไรแรงๆ ก็ก้มหน้ารับเก็บ

ที่ผ่านมาเอ๋ทำงานโปรดิวซ์ ครีเอทีฟ และเขียนสคริปต์
แต่ก็รู้ตัวตลอดว่าไม่ค่อยชอบเป็นกันชน และหนังหน้าไฟ (บอกแล้วว่าไม่ค่อยสู้คนง้าาา)
สุดท้ายก็ได้ทำอาชีพในฝัน นั่นก็คืองานแปล (เย้วว!)
วันๆ นั่งอยู่หน้าคอม อยู่ในโลกใบเล็กๆ แล้วคิดว่าประโยคนี้ควรจะแปลเป็นภาษาไทยยังไงถึงจะสวย
คิดดูเอาเถอะค่ะพ่อเทพ ว่างานแบบนั้นมันต่างจากงานขายของที่ต้องเจอผู้คนมากมายแค่ไหน
เอ๋ถึงได้ยกหน้าที่โปรโมทเว็บไซต์ให้เจี๊ยบตั้งแต่ตอนแรกไงเล้าาาา

แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบเล่นเทป ชอบสเตชันเนรีน่ารักๆ
ชอบเอาเทปมาติดนั่นแปะนี่ เลยฮึดทำต่อ
ตรงนี้ต้องขอบคุณ ศรีฮุ้ง มากๆ ที่ช่วยปลุกปั้นกับเอ๋จนถึงตรงนี้
จะบอกว่า Little&Big มีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่ง(ที่ใหญ่ทีเดียว) มาจากความคิดของฮุ้ง
ในฐานผุ้มีประสบการณ์ในการขาย รู้จักคนแยะ แนะนำคนได้
แม้จะอยุ่ไกลกันมาก แต่เราก็คุยกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันนึก ช่วยกันทำ
ผ่านความรู้สึกอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันมา ไม่รู้สิ...รักนะฮุ้ง ขอบใจเธอมากๆ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง


ถึงจุดนี้...เริ่มงงแล้วว่าตั้งใจจะเขียนอะไรกันแน่ 555

เอาเป็นว่า พอออกมาจากโลกใบเล็กๆ ที่แปลงานแล้ว
แทนที่จะตื่นกลัว เอ๋กลับสนุก และได้รับมิตรภาพน่ารักๆ จากสาวๆ มากกกกกกกมาย
ทั้งจากคนทีมาซื้อ และคนที่ขายของด้วยกันเอง
ที่คนรู้จักเราขนาดนี้ เพราะแรงสนับสนุน แรงเชียร์ของหลายๆ คนที่รักเทปเหมือนกัน
ทั้งน้องแอม Mulangura, น้องๆ Pubb Pa Doo Wabb, น้องปิ๊น headman, น้องเนทจาก Hancoholic
น้องมิงค์ จาก Mink's และจาก K-village  ซึ่งเป็นตัวผลักดันหลักทำให้เริ่มออกร้านขายจริงๆ จังๆ
รวมถึง Martha Stewart Living ที่ชวนเราไปออกร้านที่ Farmer's Market

ขอบคุณลูกค้าทุกคน ที่อดทนกับความเปิ่น เบ๊อะ ของเอ๋
ซึ่งมักจะส่งเทป ผิดๆ ถูกๆ ขาดๆ (แต่ไม่ค่อยเกิน 555)
บางทีก็ส่งช้าไป จนต้องเมลมาทวง แต่ก็ไม่เคยเคืองกัน น่ารักเป็นที่สุด >
เล่าให้ใครฟัง ทุกคนก็บอกว่าสาวๆ ลูกค้าร้านเอ๋น่ารักกันทั้งนั้นเลย : )

แค่เห็นรูป เห็นโพสต์ เห็นข้อความสั้นๆ บอกว่าชอบสิ่งที่เราส่งไป
เอ๋ก็ปลื้มมมมมมมมไปทั้งวันแล้ว : )

ขอให้ชุมชน Little&Big ยังมีคนน่ารักๆ แบบนี้เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็น้องกันตลอดไปนะคะ : )